คุณชอบกินอาหารรสใดบ้าง บางคนชอบกินหวาน บางคนชอบกินเค็ม บางคนชอบกินเปรี้ยว แต่คงไม่มีใครชอบทานอะไรขมๆกันใช่ไหม แล้วมีใครชอบทานเผ็ดบ้าง คุณรู้ไหมว่าที่จริงแล้วความเผ็ดนั้นไม่ใช่รสชาตินะ
ลิ้นของเรานั้นรับรสได้ 4รส นั่นคือ หวาน เค็ม เปรี้ยว และขม ส่วนจืดนั้นก็ไม่ใช่รสชาติ แต่มันไม่มีรสชาติต่างหาก ส่วนถ้าพูดถึงเผ็ดนั้น แน่นอนว่าต้นตอของความเผ็ดมาจากพริก และในพริกนี่เองมีสารที่เรียกว่า เคปไซซิน ที่ทำให้รู้สึกแสบร้อน ไม่ต้องกินเข้าไปหรอก แค่พริกกระเด็นเข้าตาหรือแตะโดนปากเรา เราก็รู้สึกแสบร้อนแล้วใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นยิ่งเรากินเผ็ดมากเท่าไร สารเคปไซซินก็ยิ่งมีมาก พอลงไปในกระเพาะก็จะทำให้เราแสบร้อนในกระเพาะ และถ้ามันยังหลงเหลืออยู่ตอนที่เราขับถ่ายออกมา มันก็ทำให้เราแสบก้นด้วยเช่นกัน
เจ้าสารแคปไซซินเนี่ยมันไม่ค่อยจะละลายในน้ำ เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำจึงไม่ค่อยจะช่วยอะไรเมื่อเรารู้สึกเผ็ด อันที่จริงน้ำลายของเรานี่แหละที่ช่วยบรรเทาอาการเผ็ดได้ (แค่ทิ้งไว้เฉยๆ สักพักก็หายเผ็ดเอง ) หรือไม่ก็กินอาหารประเภทแป้งและน้ำมันก็จะช่วยได้(สารแคปไซซินละลายได้ดีในน้ำมัน) เช่น นม ไอศกรีม ผักหลายชนิดที่เรากินเป็นเครื่องเคียงกับน้ำพริก เช่น มะเขือ ก็มีสารช่วยลดการระคายเคืองในกระเพาะได้ด้วยเช่นกัน หรือพวกแกงใส่กะทิต่างๆเช่น แกงเขียวหวาน ต้มข่าฯลฯ ก็จะช่วยลดความเผ็ดได้อีกทางหนึ่ง เห็นไหมว่าภูมิปัญญาท้องถิ่นเราก็แก้เผ็ดอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว
แล้วก็ใช่ว่าพริกหรือการกินเผ็ดจะไม่มีประโยชน์ เพราพริกมีวิตามินเอ ซี แคลเซียม ธาตุเหล็ก ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน บรรเทาอาการเจ็บปวด ไข้หวัด ช่วยลดน้ำมูก ละลายเสมหะ ทำให้หลอดลมขยายตัวได้ดี มีประโยชน์ต่อคนที่เป็นหอบหืดและภูมิแพ้ แถมพริกยังช่วยลดคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย
การกินเผ็ดนี่เป็นเรื่องส่วนบุคคล บางคนก็กินเผ็ดได้มากโดยไม่รู้สึกอะไร บางคนกินนิดเดียวก็เผ็ดจนแทบทนไม่ได้แล้ว บางคนอาจจะบอกว่าฝึกกินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็กินเผ็ดเก่งเอง แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย
สำหรับเราเอง ถึงไม่ชอบกินเผ็ดแต่ก็ควรกินบ้าง กินให้เหมาะสมเท่าที่ร่างกายเรารับได้ เพื่อให้ได้สารอาหารอื่นๆจากพริกด้วย เพราะพริกก็มีประโยชน์ไม่แพ้ผักประเภทอื่นเหมือนกัน